ปัจจุบันการนั่งทำงานนานอาจเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ได้หากไม่มีการออกกำลังกายหรือเสริมสร้างกล้ามเนื้อร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะ “โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน” ที่ยิ่งผู้ที่มีความอ้วนจะเป็นตัวสะสมให้อาการเหล่านั้นแสดงออกได้อย่างรวดเร็ว

          นพ.ธีรชัย ผาณิตพงศ์  ศัลยแพทย์ศูนย์สมองและกระดูกสันหลังโรงพยาบาลพญาไท 3 เล่าว่า โรคกระดูกสันหลังโรงพยาบาลพญาไท 3 เล่าว่า โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนเกิดจากข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม หรือข้อต่อเจริญเติบโตไม่ปกติ และบริเวณข้อต่อหลวมเพราะพออายุเพิ่มขึ้นข้อต่อเหล่านี้จะเริ่มเสื่อม จนทำให้ตัวยึดกับหมอนรองกระดูกเริ่มยึดไม่อยู่ เลยเกิดการหลุดออกจากกันเมื่อเกิดการเคลื่อนของกระดูกสันหลังจะไปทับเส้นประสาท เลยเกิดอาการปวดไปจนถึงขา

          ตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนี้คือ การใช้งานผิดประเภท เช่น ออกกำลังกายไม่เพียงพอ เพราะตัวที่ยึดกระดูกสันหลังเรามีกล้ามเนื้ออยู่ด้วย ยิ่งกล้ามเนื้ออ่อนแอจะกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ หรือน้ำหนักตัวมากเกินไป จะทำให้เกิดแรงกดมากขึ้นข้อเลยหลวมมากขึ้นและถ้ายิ่งข้อหลวม หมอนรองกระดูกเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแอ จะเร่งอาการเหล่านี้

         ออฟฟิตซินโดรม เป็นอีกปัจจัยเร่งโดยเฉพาะคนที่นั่งทำงานนานๆ จะทำให้เป็นมาก เนื่องจากแรงกดที่ลงไปบนกระดูกสันหลังจะมากกว่าการยืน ถ้าหากนั่งอยู่นานแรงพยุงที่กระดูกสันหลังก็จะใช้อยู่แค่ส่วนเดียว ซึ่งพอรวมกับแรงที่กดอยู่ที่กระดูกสันหลังจะทำให้เสื่อมเร็วมากขึ้น

          คนที่มีภาวะอ้วน และนั่งทำงานนานๆ มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากคนที่นั่งทำงานจะใช้พลังงานน้อยกว่าคนที่เดินทำงานที่ต้องใช้พลังงานมากกว่า และยิ่งไม่ออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนหลังอ่อนแอ

          การเคลื่อนของกระดูกสันหลังส่วนใหญ่เกิดบริเวณกระดูกส่วนล่าง เนื่องจากเป็นส่วนที่รับน้ำหนักมาก ดังนั้นกระดูกสันหลังส่วนบนจะรับน้ำหนักน้อย ขณะที่กระดูกสันหลังส่วนคอจะรับน้ำหนักน้อยสุด  เพราะรับน้ำหนักแค่ส่วนคอส่วนเดียวทำให้มีการเคลื่อนน้อย

          กระดูกสันหลังส่วนที่เอวจะเป็นลักษณะเหมือนต่อตรง รับแรงน้ำหนักกดมากที่สุด และสรีระของข้อต่อส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้เคลื่อนง่าย เนื่องจากข้อต่อกระดูกที่เอวจะอยู่ในแนวดิ่งไม่ใช่แนวขวาง โรคนี้จะเกิดจากกระดูกตั้งแต่ชายโครงล่างสุดไปจนถึงกระดูกเชิงกรานด้านล่าง ถ้าต่ำกว่านั้นจะไม่เกิดอาการเคลื่อน ดังนั้นคนที่จะดูว่าเป็นโรคนี้หรือไม่สามารถดูได้ว่า ถ้ามีอาการผิดปกติตั้งแต่ส่วนดังกล่าวลงไปอาจเสี่ยงได้

           ลักษณะอาการปวดระยะแรกที่ยังไม่เป็นอาการกดทับของเส้นประสาทคนไข้จะแค่ปวดหลังอย่างเดียวโดยจะปวดแบบเป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับการอักเสบหรือการเคลื่อนที่ พอระยะเวลาผ่านไปนานขึ้นเริ่มมีการกดทับเส้นประสาท เมื่อมีอาการปวดของเส้นประสาทตามมาคือ ปวดร้าวลงไปที่ตะโพก แล้วปวดร้าวลงไปที่เท้า ซึ่งแรกๆ อาจปวดแถวตะโพกก่อน พอทิ้งไว้นานขึ้นหรือใช้งานมากขึ้นจะปวดไปถึงตรงที่ขา และยิ่งถ้าเส้นประสาทด้านหลังถูกกดทับนานขึ้นยิ่งทำให้มีอาการชาที่ขา และมีอาการอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อขา

          คนไข้ส่วนใหญ่ที่เริ่มปวดหลังระยะแรกมักไม่มาพบแพทย์ แต่เมื่อมีอาการปวดลงไปที่ขา และเริ่มชาอาการเหล่านี้ทำให้คนไข้เริ่มมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล

          สิ่งที่พบชัดมากที่สุดในคนที่ป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน คือ จะเกิดอาการปวดบริเวณกระดูกสันหลังที่เคลื่อนในเวลาใช้งานเช่น เดินไกลๆ ยิ่งปวด และมีอาการชารวมถึงอ่อนแรง ในบางคนพบในลักษณะของการเดิน เช่น เดินไป 10-20 นาที แล้วต้องหยุดพัก ถ้าไม่พักแล้วไปต่อไม่ได้ เพราะชาและอ่อนแรงที่ขา พอโรคนี้เป็นหนักขึ้นระยะทางในการจะเดินได้ก็สั้นลง

          สำหรับอาการปวดในบางคนมีอาการปวดที่กระดูกสันหลังทั้งสองข้าง แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับว่ามีการกดทับต่อเส้นประสาทส่วนไหน แต่ส่วนใหญ่พบว่ามักปวดเน้นไปด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า เช่น ปวดด้านขวามากกว่า โดยมีด้านซ้ายบ้างนานๆ ครั้ง หรือ บางคนปวดทั้งสองข้างซ้ายบ้างขวาบ้างปวดสลับกัน แต่โรคนี้จะต่างจากโรคหมอนรองกระดูกที่มักจะปวดข้างเดียว แต่โรคนี้อาจปวดสลับกันไปมาได้ เพราะกระดูกเคลื่อนสามารถถูกเส้นประสาทได้ทั้งสองฝั่ง เพียงแต่ว่าจะโดนฝั่งไหนมากกว่ากัน

          การรักษาระยะแรกในกรณีที่เส้นประสาทไม่ได้รับความเสียหายมาก ซึ่งยังไม่มีอาการชาจะใช้การรักษาแบบประคับประคองโดยจะให้คนไข้ลดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การลดเพื่อให้แรงหนักที่ส่งไปที่กระดูกสันหลังนั้นน้อยลง เพื่อให้เกิดการเคลื่อนของกระดูกสันหลังที่น้อยลง และห้ามแบกของหนัก รวมถึงไม่ควรวิ่งโดยการกระโดดมากนัก

          และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่พยุงกระดูกสันหลังเอาไว้ เช่น การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหลัง พอกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจะทำให้กระดูกสันหลังนั้น เคลื่อนน้อยลงได้ ขณะเดียวกันไม่ควรนั่งทำงานเป็นเวลานาน

          กรณีที่เริ่มเกิดอาการชาที่ขา หรือมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วยจะเริ่มมีการรักษาโดยให้ยา และทำกายภาพบำบัด รวมถึงทานยาเพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท ถ้าทุกอย่างฟื้นขึ้นมาเหมือนเดิมได้ก็กลับมาสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อต่อไป

          การที่กระดูกเคลื่อนแล้วเคลื่อนเลยมักไม่เข้าที่ด้วยตัวมันเองได้ เพียงแต่ทุกอย่างที่ทำเพื่อให้ส่วนที่เคลื่อนอยู่คงที่ไม่เคลื่อนมากไปกว่านั้น  ในบางคนสามารถคุมอยู่โดยไม่มีอาการเคลื่อนของกระดูกอีกกว่า 10 ปี

          กรณีที่กระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทจนทำให้เส้นประสาททำงานผิดปกติไป โดยจะมีการผ่าตัดเพื่อดึงกระดูกส่วนนั้นให้เข้าที่ แล้วผ่าตัดเพื่อเอานอตเข้าไปเพื่อดึงกระดูกกลับขึ้นมาให้อยู่คงที่ เมื่อข้อต่อเสียเราก็ใช้เหล็กเป็นตัวรองรับกระดูกไว้แทน

          การผ่าตัดแบบเดิมจะทำให้มีแผลขนาดใหญ่ และมีความเสียหายของกล้ามเนื้อส่วนหลังค่อนข้างมาก และพบว่าวิธีการผ่าตัดแบบเก่าจะทำให้คนไข้มีอาการเมื่อยหลังค่อนข้างมาก เนื่องจากกล้ามเนื้อได้รับการบาดเจ็บและมีพังผืดเกิดขึ้น เลยต้องมีการฟื้นฟูในระยะยาว บางรายต้องเมื่อยหลังไปเป็นปีๆ

         ปัจจุบันการผ่าตัดแผลเล็ก ในส่วนของหลังแต่ละกล้ามเนื้อจะมีร่องที่เป็นช่องว่าง จะใช้การสอดเอาเหล็กใส่เข้าไป โดยการผ่าตัดจะมีกล้องขนาดเล็กฉายให้เห็นการผ่าตัดภายในเพื่อใส่เหล็ก ซึ่งการผ่าตัดแบบแผลใหญ่กว่าจะใช้ชีวิตได้ตามปกติต้องพักฟื้นเป็นเดือน แต่ปัจจุบันการผ่าตัดแบบแผลเล็กแค่อาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว

ที่มา :  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (เดลินิวส์วาไรตี้)  ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2558

หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่
โทร. 082 959 2695

Line ID : @bim100apco