1. ก่อนนำงาดำมาใช้สกัดเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ Operation BIM คณะนักวิจัยตระหนักแล้วว่า งาดำแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่เมื่อใช้ต่อเนื่องในปริมาณมากจะมีการสะสมจนเกิดผลข้างเคียงขึ้น ดังปรากฏในเว็บไซด์ของ สสส. (https://goo.gl/i2B83i) ที่รุนแรงทีสุดคือการทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง แน่นหน้าอก ทางเดินหายใจตีบตัน หายใจไม่ออก ซึ่งนำไปสู่ความตายได้ ดังนั้นคณะนักวิจัยจึงทำการสลายองค์ประกอบของงาดำที่ก่อให้เกิดอาการเหล่านี้ก่อนแล้วจึงนำมาใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ Operation BIM

2. งาดำและสารสกัดจากงาดำลดการหลั่งสารภูมิคุ้มกันของเม็ดเลือดขาว (Ref: http://europepmc.org/abstract/med/15626481) ซึ่งจะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมีความสามารถต้านทานมะเร็งได้น้อยลง อาการมะเร็งจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว และถ้าใช้ในระหว่างการทำเคมีบำบัดผู้ป่วยจะมีโอกาสติดเชื้อและเสียชีวิตได้ง่าย แต่ผลิตภัณฑ์ของ Operation BIM ที่ใช้สำหรับอาการมะเร็งสามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกันที่ไปเพิ่มประสิทธิภาพของ “เซลล์ T พิฆาต” ซึ่งมีหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งด้วยอานุภาพสูงในทุกๆ ส่วนของร่างกาย และเมื่อใช้ในระหว่างการทำเคมีบำบัดจะลดโอกาสการติดเชื้อของผู้ป่วย ลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาว ซึ่งจะลดลงในระหว่างการทำเคมีบำบัด และยังร่วมกับยาเคมีบำบัดในการกำจัดเซลล์มะเร็งได้ด้วย

3. งาดำและสารสกัดจากงาดำกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านมให้ลุกลามมากขึ้นได้ จนยาระงับการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งใช้ไม่ได้ผล (Ref: http://foodforbreastcancer.com/…/sesame-seeds-and-sesame-oil) แต่ผลิตภัณฑ์ของ Operation BIM มีองค์ประกอบที่คณะนักวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งด้วยประสิทธิภาพสูงพอๆ กับฤทธิของยาเคมีบำบัด และยังระงับการสร้างไขมันใหม่ของเซลล์มะเร็งจึงทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างเยื่อบุผนังเซลล์ใหม่ ในที่สุดเซลล์มะเร็งจะกลายเป็นเซลล์ปกติ

ผมหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้บริโภค ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้มีสุขภาพที่ดีดังปรารถนา

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา
หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM